วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

กลุ่มโครงสร้างของจิต (Structuralism)


(กลุ่มโครงสร้างของจิต ((Structuralism)

กลุ่มโครงสร้างทางจิต (Structuralism) หรือกลุ่มโครงสร้างนิยม ก่อตั้งโดยวิลเฮล์ม วุนต์ (Wilhelm Woundt,1832 - 1920)


                                                                              วิลเฮล์ม วุ้นต์ (Wilhelm Woundt,1832 - 1920)

กลุ่มนี้มุ่งศึกษาส่วนประกอบต่าง ๆ ซึ่งกลุ่มคิดว่าเป็นโครงสร้างของจิต  และสรุปสาระแนวคิดว่ามนุษย์มีโครงสร้างที่ประกอบด้วยลักษณะที่เป็นหน่วยย่อยที่เรียกว่า ธาตุทางจิตซึ่งแยกเป็น
1. การสัมผัส  (Sensation) คือการทำงานของอวัยวะรับสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น และผิวหนัง โดยการตอบ สนองต่อสิ่งเร้านั้น ๆ เช่น ตามองเห็น จมูกได้กลิ่น ฯลฯ        
2. การรู้สึก  (Feeling) คือการตีความหรือแปลความหมายของการสัมผัส เช่น การมองเห็นสิ่งเร้า  ก็ตีความหมายว่า สวย ไม่สวย หูได้ยินก็ตีความหมายว่า ไพเราะ เป็นต้น
3. มโนภาพ  (Image) คือการคิดและการวิเคราะห์ ตลอดจนการจดจำประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับจากการสัมผัสและ รู้สึก

ทั้ง 3 อย่างนี้ประกอบเป็นพื้นฐานของจิตทำนองเดียวกับสารประกอบทางเคมี ซึ่งเกิดจากการรวมตัวเป็นสัดส่วน ของธาตุต่าง ๆกลุ่มแนวคิดโครงสร้างทางจิต ใช้วิธี การศึกษาด้วยการตรวจสอบตนเองหรือพินิจภายใน (Introspection)โดยให้เจ้าตัว บรรยายความรู้สึก หรือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจให้ทราบ เพราะตนเองย่อมเข้าใจความคิด ความรู้สึก การตัดสิน ใจของตนเองได้ดีกว่าผู้อื่น

วิลเฮล์ม วุ้นท์ (Wilhelm Wundt,1832-1920) นักจิตวิทยาได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดา
ของจิตวิทยาแผนใหม่เชิงวิทยาศาสตร์ วูนท์ ศึกษาโครงสร้างของจิต (Structuralism)มีความเชื่อว่า จิตประกอบด้วยส่วนย่อย ๆ เหมือนกับสสาร ประกอบ ด้วยธาตุ ต่างๆ โครงสร้างของจิตมี 3 ส่วน ประกอบด้วยส่วนที่ 1 ความรู้สึก (Feeling)  ส่วนที่ 2 ประสาทสัมผัส (Sensation) และส่วนที่ 3 มโนภาพ (Image)
การศึกษาทดลองของวูนท์ใช้วิธีการสำรวจตัวเอง (Introspection) ใช้การทดลองโดยใช้
สิ่งเร้าเป็นตัวกระตุ้น เช่นไฟฟ้าสีระดับเสียงสูงและตํ่ากลิ่นอุณหภูมิความร้อนความหนาวเป็นต้น
ผู้ถูกทดลองจะเป็นผู้เล่ารายละเอียด ความรู้สึก ประสาท สัมผัส และมโนภาพ จากประสบการณ์
ที่ตนได้รับจากการทดลองว่าความรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับสิ่งเร้าต่างๆเป็นตัวกระตุ้นซึ่งต้องอาศัย
ประสบการณ์ ของแต่ละคน ที่มีอยู่เดิม


เนื้อหาหลัก
เป้าหมายการศึกษา
วิธีการค้นคว้า
ทัศนะต่อมนุษย์
สิ่งที่เน้น
ประสบการณ์จิตสำนึก
แยกดูเพื่อรู้จักธาตุจิต
ผัสสะ  ความรู้สึก และมโนภาพ
ตรวจสอบจิตใจตนเอง
Introspection
กลาง
บุคคล

WILHELM MAX WUNDT (..๑๘๓๒ - ๑๙๒๐) กลุ่มนี้ใช้วิธีการศึกษาแบบตรวจสอบจิตตนเอง (INTROSPECTION)  และการทดลองควบคู่กันโดยพิจารณาความรู้สึกหรือความคิดของตนเอง กลุ่มนี้มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่จิตสำนึกของมนุษย์และเห็นว่าโครงสร้างของจิตนั้นประกอบด้วย MENTAL ELEMENT ๓ ชนิดคือ ความรู้สึก (FEELING) การสัมผัส (SENSATION) และมโนภาพ (IMAGE)  ทั้ง ๓ สิ่งนี้เมื่อรวมกันภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสมก็จะก่อให้เกิดรูปจิตผสมขึ้นเช่น ความคิด อารมณ์ ความจำ การหาเหตุผล ฯลฯ
แนวความคิดจิตวิทยากลุ่มต่าง ๆ ดังกล่าวต่างก็มีบทบาทในการศึกษาเพื่ออธิบายพฤติกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น  แต่ลำพังวิชาจิตวิทยาอย่างเดียวมิได้ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ได้แจ่มแจ้งแต่เป็นเพียงพื้นฐานเป็นรากฐานในการศึกษาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้อง       แท้จริงแล้วปัจจุบันนี้การค้นคว้าศึกษาวิชาจิตวิทยาไม่อาจยึดปรัชญาแนวความคิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะได้ จำเป็นต้องนำแนวความคิดและวิธีการจากทุกกลุ่มหรือบางกลุ่มผสมผสานกัน อาจมากบ้างน้อยบ้างตามแต่พฤติการณ์และสถานการณ์จะอำนวย จะเห็นได้ว่ากลุ่มแนวความคิดทางจิตวิทยาบางกลุ่มมีความเชื่อความคิดเห็นขัดแย้งกันเอง   จึงเป็นการยากที่จะตัดสินใจรับเอาแนวความคิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะมาใช้ให้ได้ดีได้ HILGARD นักจิตวิทยาคนสำคัญกล่าวว่าอย่าไปพยายามค้นหาทฤษฎีทางจิตวิทยาที่ถูกต้องที่สุดให้เสียเวลาเปล่า ๆ เพราะแม้จะใช้ความพยายามเท่าใดก็ไม่อาจหาพบได้ ในเมื่อแต่ละกลุ่มต่างยืนยันว่าความคิดของกลุ่มตนถูกต้อง วิธีการที่ดีและเหมาะสมที่สุดคือ ศึกษาแนวความคิดของทุกกลุ่มอย่างละเอียดลึกซึ้งแล้วเลือกเอามาแต่ส่วนที่เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดภายใต้สถานการณ์ที่เราต้องเผชิญ
วิชาจิตวิทยานั้นมีสาขากว้างขวางมากเนื่องจากความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการมีมาเป็นลำดับ ทำให้ผู้ที่ศึกษาไปแล้วมีความสนใจความถนัดด้านใดมากก็จะค้นคว้าพัฒนาในเรื่องนั้น ๆ อย่างละเอียดทำให้เกิดวิชาจิตวิทยาสาขาใหม่ ๆ ขึ้นได้ วิทยาทั่วไป จิตวิทยาสรีรศาสตร์ (PHYSIOLOGICAL PSYCHOLOGY)  จิตวิทยาอปกติ (ABNORMAL PSYCHOLOGY) จิตวิทยาพัฒนาการ (DEVELOPMENTAL PSYCHOLOGY) ซึ่งแบ่งออกเป็นจิตวิทยาพันธุกรรม (GENETICS) จิตวิทยาเด็ก จิตวิทยาวัยรุ่น   ต่อมาก็มีจิตวิทยาเปรียบเทียบ จิตวิทยาการทดลอง จิตวิทยาธุรกิจ  จิตวิทยาการศึกษา  จิตวิทยาคลินิก  จิตวิทยาสังคม จิตวิทยาความมั่นคง   จิตวิทยาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคล สำหรับทหารนั้นก็มีจิตวิทยาทหาร ซึ่งประเทศบางประเทศที่พัฒนาแล้วได้ให้ความสนใจมาโดยตลอด เช่นประเทศเยอรมันมีหน่วยจิตวิทยาทหารเรียกว่า   MILITARY PSYCHOLOGY อยู่ในกองทัพบกตั้งแต่ ค..๑๙๒๙ส่วนประเทศอังกฤษมีก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเล็กน้อยมีการจัดในระดับกรมในกองทัพบกอังกฤษเรียกว่า DIRECTORATE OF ARMY PSYCHIATRY สำหรับสหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกับอังกฤษแต่มีกิจการใหญ่โตกว้างขวางกว่าอังกฤษและเยอรมันมากเรียกว่า MILITARY PSYCHIATRY  หน่วยงานจิตวิทยาทหารดังกล่าวทำหน้าที่แต่เริ่มเข้าร่วมในการคัดเลือกนายทหารสัญญาบัตร     และการตรวจคัดเลือกกำลังพลประเภทอื่น ๆ ตลอดจนรับปรึกษาตรวจและบำบัดรักษาผู้ที่ป่วยเป็นโรคจิต ป้องกันและศึกษาหาสาเหตุตลอดจนวิธีการเกี่ยวกับขวัญของทหารเป็นต้น เพราะบุคคลที่มีอาชีพเป็นทหารไม่ว่าจะโดยถูกเกณฑ์หรืออาสาสมัครเข้ามาก็ตามแม้ในยามปกติงานก็มีลักษณะตรากตรำเหน็ดเหนื่อยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและต้องเผชิญหรือเสี่ยงอันตรายเสมออยู่แล้ว  สำหรับในเวลาสงครามนั้นความเสี่ยงก็อยู่ในขั้นวิกฤติเป็นหลายเท่าของเวลาปกติความบีบคั้นทางร่างกายแม้อาจจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแต่จิตใจที่ถูกบีบคั้นอาจทรุดโทรมลงจนทำให้เสียขวัญหรือเสียวินัยและมีอาการของโรคจิตปรากฏขึ้น วงการทหารมีความสนใจในเรื่องจิตใจของทหารและวิชาจิตวิทยาอย่างจริงจังตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นต้นมา ทั้งขยายขอบเขตกว้างขวางออกไปอย่างมากและรวดเร็ว   ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองได้มีการนำวิชาจิตวิทยามาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำสงครามที่เรียกว่า  “สงครามจิตวิทยานอกเหนือไปจากการใช้หลักวิชาจิตวิทยาในการฝึกอบรม ป้องกันทหารไม่ให้เป็นโรคจิตอันเนื่องจากความวิตกกังวลใจในระหว่างการฝึก การปฏิบัติงาน การรบ และการถูกกักขัง เมื่อถูกจับเป็นเชลยศึกหรือถูกทรมาน รวมทั้งการแก้ปัญหาอื่น ๆ อีกหลายประการ